Filler (ฟิลเลอร์)

จัดการปัญหา ริ้วรอยบนใบหน้า

เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปใบหน้าที่เคยกระชับเต่งตึงก็จะลดน้อยลง เนื่องจากคลอลาเจนมีการเสียสมดุลและความสามารถในการสร้างลดลง ไม่เหมือนผิววัยหนุ่มสาว ทำให้เกิดปัญหาผิวเหี่ยวย่นริ้วรอยร่องแก้มที่ชัดขึ้น ใบหน้าไม่เข้ารูปหย่อนคล้อย หากเราไม่ทำการรักษาร่องแก้มหรือปัญหาเหล่านี้ก็จะยิ่งชัดเจนมากขึ้น

ปัจจุบันมีวิธีที่สามารถลดเลือนริ้วรอยและช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว ให้กลับมาสวยงามได้อย่างรวดเร็ว และการใช้สารเติมเต็ม ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยม Filler ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นสาร ไฮยาลูโรนิค แอซิด (hyaluronic acid) ซึ่งเป็นสารประกอบน้ำตาลเชิงซ้อนซึ่งเป็นส่วนประกอบของผิวหนังของคนเราตามธรรมชาติอยู่แล้ว มีคุณสมบัติเป็นสารอุ้มน้ำทำให้เกิดการสร้างผิวใหม่ขึ้นมาเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปนั่นเอง Filler เป็นสารเติมเต็มชนิดล่าสุดที่ได้มีการพัฒนาเพื่อให้ได้ผิวที่ดูสดใส อวบอิ่ม ใบหน้าที่ตึงกระชับ กับปัญหาร่องแก้มที่มากขึ้นตามอายุ และพบว่าฟิลเลอร์ในกลุ่ม hyaluronic acid เช่นกัน สามารถขจัดปัญหาเรื่องความเจ็บปวดขณะฉีดออกไปได้ อีกทั้งโมเลกุลของ hyaluronicacid ก็สามารถอยู่ได้ในระยะเวลาที่ยาวนานกว่าตัวสารเติมเต็มตัวเดิม รวมทั้งผู้รับการรักษาก็สบายใจได้ในเรื่องของความปลอดภัย เพราะผ่านการรับรอง จากองค์การอาหารและยาของไทยแล้ว เช่นกัน

การเลือกสารเติมเต็มที่จะใช้นั้นมีความสำคัญค่อนข้างมาก ควรเป็นชนิดที่ปลอดภัยและผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา และมั่นใจได้ว่าสามารถสลายได้เมื่อไม่ต้องการและต้องไม่ตกค้างในร่างกาย และไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้

มีข้อแตกต่างจาก Filler ตัวเดิมที่ใช้กันอยู่อย่างไรบ้าง ?

ในขบวนการผลิตมีการผสมยาชา เข้าไปในโมเลกุลของ hyaluronic acid เรียบร้อย ทำให้ขณะฉีดมีความรู้สึกเจ็บน้อยลงมาก จนแทบไม่รู้สึกเลย รู้สึกสบายมากขึ้น โมเลกุลของ hyaluronic acid ที่เป็นเนื้อเดียวกัน ไม่แขวนลอยอยู่กับตัวนำพาเหมือนฟิลเลอร์ตัวอื่นๆ ข้อได้เปรียบนี้ทำให้อยู่ได้นานขึ้นไม่สลายออกจากผิวหนังเราเร็วเกินไปนัก รวมถึงลดโอกาสการเกิดก้อนหรือผิวไม่เรียบหลังฉีด รวมทั้งความรู้สึกไม่เป็นเนื้อเดียวกันกับผิวใน บริเวณที่ฉีดได้ ลดโอกาสการกระจายตัว หรือไหลออกไปสู่บริเวณข้างเคียง ได้ค่อนข้างมากกว่า และทำให้ใช้ยาปริมาณน้อยลงเนื่องจากไม่ได้ยุบลงหลังฉีดมากเหมือนสารเติมเต็มตัวอื่น และได้ผลการรักษาที่สวยงามมากขึ้น

ผู้ที่ไม่เหมาะกับการใช้สารเติมเต็ม

  • คนไข้ที่มีปฎิกิริยาแพ้ต่อสาร hyaluronic acid
  • คนไข้ที่กำลังรับการรักษาด้วยยาต้านการแข็งตัวของเลือด
  • คนไข้ที่มีประวัติแพ้ยาชา
  • หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร
  • คนไข้ที่มีโอกาสหรือประวัติการเกิดแผลเป็นนูนได้ง่าย
  • ไม่ควรได้รับการฉีดควบคู่กับการทำเลเซอร์ที่เกิดแผล หรือการลอกผิวหน้าในบริเวณที่ทำการฉีด
  • ไม่ควรฉีดในบริเวณที่ผิวหนังมีการอักเสบ หรือมีการติดเชื้อ
  • คนไข้ที่มีแนวโน้มในการเกิดแผลเป็นชนิด hypertrophic scar ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีดสารเติมเต็มทุกครั้ง
ข้อควรหลีกเลี่ยง ?
  • หลีกเลี่ยงการทำ LASER หรือ treatment ประมาณ 2 สัปดาห์
  • ควรงดการดื่ม alcohol หรือสูบบุหรี่ประมาณ 2-3 วันเพื่อลดอาการบวม แดง และช้ำ บริเวณที่ฉีด
  • ไม่ควรใช้เครื่องสำอางในระหว่าง 12 ชั่วโมงหลังการฉีดยา
  • ควรหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดด รังสียูวี และอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส
  • ไม่ควรอบเซาว์น่า ในระหว่าง 2 สัปดาห์หลังการฉีดยา

ผิวหนังอาจแดง บวม ผื่นแดง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของอาการคัน หรือปวด หรือทั้งคู่ซึ่งเกิดหลังการฉีดยา อาการนี้อาจเกิดหลังการฉีดยา 1 สัปดาห์ ห้อเลือด เลือดจับตัวเป็นก้อนตามช่องต่างๆ เกิดการแข็งตัวของเนื้อเยื่อ หรือปุ่มบริเวณที่ฉีดยารอยด่าง หรือผิวหนังมีสีที่เปลี่ยนไปบริเวณที่ฉีด Filler